6 เมนูอาหารไทย เเนะนำ ที่เป็นที่ยอดนิยม รสจัดจ้าน อร่อยไม่เเพ้ชาติใด

อาหารไทย: สำหรับในวันนี้เราจะมาพูดถึงอาหารไทยที่ได้รับความนิยม เป็นอันดับต้นๆของคนไทย ซึ่งคนส่วนมากมักเคยกินเมนูเหล่านี้กันมาแล้วเนื่องจากเป็นเมนูตั้งแต่ สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ของ ใครหลายๆคน ซึ่งแต่ละเมนูอาหารไทยนั้นก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกันไป บางเมนูก็จะมีรสชาติหวาน เผ็ด รสชาติจัดจ้านเปรี้ยวๆ แต่ละเมนูก็จะมีเอกลักษณ์และ ความน่ารับประทานที่แตกต่างกันไป ซึ่ง 6 เมนูอาหารไทยที่เราจะมาพูดถึงวันนี้เป็นเมนูที่รับความนิยม และจัดจ้านไม่แพ้ชาติใด เลย สำหรับใครที่อยากรู้กันแล้วว่ามีเมนูไหน กันบ้าง มาดูกัน! แกงส้ม แกงส้มขึ้นชื่อมากๆในเรื่องของรสชาติที่ หลากหลาย แกงส้มจะเข้าถึง บุคคลที่ชอบรสชาติแบบ เผ็ดๆ เเต่ไม่มาก เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารในไทยที่สำหรับคนที่ เป็นชาวต่างชาติเข้ามานั้นลิ้มลอง เเล้วต้องบอกได้คำเดียวเลยว่าอร่อยแล้วลงตัวสุดๆสำหรับเมนูนี้! เมนูพะแนง พะแนงเป็นเมนูที่ส่วนมากจะเน้นในด้านของหมู เป็นเมนูประเภท กะทิ ซึ่งปกติก็ถือว่าเป็นส่วนผสมหลักของพะแนงเช่นกันกะทิ ที่ไม่อร่อย ก็จะทำให้รสชาติของพะเเนงนั้นไม่อร่อย ตามไปด้วย. แกงเขียวหวาน อีกหนึ่งเมนูยอดนิยม ของคนไทยอย่างแกงเขียวหวานที่มีทั้งแกงเขียวหวานไก่ แกงเขียวหวานหลากหลายประเภทอื่นๆมากมาย รสชาติของแกงเขียวหวานก็จะ มีส่วนผสมหลักๆอย่างเช่นกะทิ เช่นกัน ทำให้รสชาติของมันนั้นมีรสชาติที่กลมกล่อมหอมหวาน ต้มยำกุ้ง เป็นเมนูเดือดและเมนูหลักๆของคนไทยเลย ส่วนผสมหลักๆก็จะเป็นกุ้ง เราสามารถใส่ส่วนประกอบเพิ่มเติมที่เราต้องการได้ตามความต้องการ เมนูนี้จะเน้นรสชาติแบบผิดๆๆเพื่อให้คนกินนั้น เห็นถึงรสชาติจัดจ้าน เเละเข้าถึงคนที่ชอบกินเมนูเผ็ดๆ จัดๆ […]
ขนมเบื้องญวน ที่หอมกรอบอร่อยย้อนรอยตามหาที่มา

อาหารอย่างที่ใครๆ บอกว่าเป็นทั้งเส้นทางสายไหมที่เป็นแหล่งสืบทอดวัฒนธรรมแล้ว ยังสามารถที่จะสื่อสารวัฒนธรรมการทำอาหารผ่านพรมแดน ที่มาถึงยุคปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีอาหารหลายอย่างที่มีความคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารเส้นอย่างบะหมี่ ก๋วยเตี๋ยวที่ได้รับการคิดค้นจากคนจีนจนกลายมาเป็นอุด้งที่เป็นอาหารเส้นผ่านการดัดแปลงจนกลายเป็นอาหารทางญี่ปุ่น อาหาร และของกิน (อาหารว่างต่างๆ) ในทางแถบเอเชียก็มีการผสมผสาน และดัดแปลงไม่ต่างกัน จนบางทีผู้กินสามารถดูได้จากทั้งรูปลักษณ์ภายนอก หรือรสชาติที่มีความคล้ายกัน แม้กระทั่งเครื่องประกอบต่างๆ ที่ใส่ลงในอาหารอีกด้วย ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้มีเสน่ห์ในตัวของอาหาร นอกจากการถ่ายทอดต่อๆ กันไปแล้ว การดัดแปลงอาหารจากอีกจานเป็นอาหารจานใหม่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเชิญชวนให้ผู้คนอยากลิ้มลองในความแปลกใหม่อีกด้วย อย่างในอาหารกินเล่นที่เป็นของคนเวียดนามที่เรียกในไทยว่า ขนมเบื้องญวน นั้นก็มีการดัดแปลงจนมากลายเป็นขนมเบื้องไทยที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่คล้ายกัน ต่างกันที่สี และขนาด รวมถึงไส้ด้านใน แต่เมื่อดูโดยรวมแล้วมีความคล้ายกันอยู่มาก ขนมเบื้องญวน นั้นคือชื่อเรียกในทางไทยที่เป็นภาษากลาง หากเป็นทางภาคใต้จะเรียกชื่อว่า บั๊ญคว้าย หรือถ้าเรียกในชื่อดั้งเดิมของชาวเวียดนามแล้วละก็ต้องเรียกว่า บั๊ญแส่ว บั๊ญแส่วในชื่อเวียดนาม หรือขนมเบื้องญวนในชื่อไทยนั้น มีส่วนผสมในการทำไม่มากนัก เพียงแต่ต้องมีความละเอียดอ่อนในตอนที่ทำแผ่นแป้งขนมเบื้องสีเหลือง ซึ่งเป็นวงกลมคล้ายแป้งเครป แต่บางกว่ามากเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่กรอบ ส่วนผสมของขนมเบื้องญวนจึงไม่มีอะไรมาก องค์ประกอบหลักๆ ต้องมีแป้งข้าวเจ้า กะทิ ผงขมิ้น ในการทำตัวแป้งห่อที่ตัองมีการทำเน้นความบาง และกรอบ ส่วนด้านในที่เป็นไส้จะประกอบไปด้วยเนื้อกุ้ง มันหมู และเน้นการใส่ถั่วงอกที่มากกว่าเนื้อสัตว์ เพราะอย่างที่เรารู้ๆ กันว่า อาหารเวียดนามจะเน้นที่ผักเป็นส่วนประกอบหลักมากกว่า สำหรับการกินที่ถูกต้องจะนิยมนำขนมเบื้องญวนที่มีไส้อยู่ด้านในห่อกินด้วยผักนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นโหระพา ผักกาดหอม […]
ขนมกุยช่าย ตามหาที่มาความอร่อยของคนจีน

วัฒนธรรมทางอาหารของจีนได้มีหลายอย่างที่เผยแพร่เข้ามาทางไทย โดยการผ่านผู้คนชาวจีนทั้งคนที่มาตั้งรกรากที่ไทย และนักเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งอาหารจีนหลายอย่างที่เรารู้จักกันดีไม่ว่าจะเป็นเส้นบะหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว แผ่นเกี๊ยวต่างๆ ที่นำมาห่อทำเป็นเกี๊ยวน้ำ เส้นเกี้ยมอี๋ รวมถึงอาหารเช้าที่เรียกว่า ติ่มซำ หลากหลายทั้ง ขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า เป็นต้น ประเทศจีนจึงถือว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีสีสันทางด้านอาหารที่น่าสนใจ และถือว่าเป็นประเทศที่ใกล้ชิดกับไทยทั้งในด้านอาหาร และธรรมเนียมประเพณี อันเนื่องจากมีคนจีนเข้ามาอาศัยในไทย และมีการเผยแพร่ถ่ายทอดสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาให้กับคนไทยได้เรียนรู้ ในส่วนอาหารที่มีแหล่งกำเนิดจากชาวจีนนั้น ถือว่ามีความแตกต่างในจานอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว หรือหวานก็ตาม เราสามารถเห็นอาหารจากชาวจีนตั้งแต่อาหารที่มีรสจืดๆ จนถึงมีความเผ็ดเข้ามาด้วย เพราะชาวจีนที่ต่างมณฑลที่อยู่อาศัยก็มีการกินอยู่ รวมถึงรสชาติอาหารที่คุ้นเคยแตกต่างกัน อาหารว่างที่มีการคิดค้นจากชาวจีนที่เรียกว่า ขนมกุยช่าย ก็ถือว่าเป็นอีกจานหนึ่งที่มีความนิยมกินจากคนไทยที่สามารถนำมาดัดแปลงกินได้หลายอย่างเช่น สามารถนึ่งกินกับน้ำจิ้มได้เลย หรือสามารถทอดและปัจจุบันนี้มีการประยุกต์โดยการนำมาทอดพร้อมกับไข่คล้ายกับขนมผักกาด ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ก็ถือว่ามีแหล่งกำเนิดที่มาของอาหารจากจีนทั้งสิ้น ขนมกุยช่าย นั้นถือว่าเป็นอาหารว่างของชาวจีนแต้จิ๋วที่มีวัตถุดิบแบบง่ายๆ คือ แป้งข้าวเจ้าผสมกับแป้งข้าวเหนีว เพื่อให้เนื้อขนมมีทั้งความยืดหยุ่น เหนียวหนึบ และสามารถคงรูปร่างได้ด้วยแป้งข้าวเจ้า น้ำมัน เกลือ ที่เป็นส่วนแป้งด้านนอก ส่วนด้านในก็จะมีไส้ดั้งเดิมแต่แรกเริ่มเลยคือ ไส้ผักกุยช่ายที่เป็นต้นคล้ายต้นกระเทียม ส่วนที่นำมาใช้คือใบของต้นกุยช่าย การทำเรียกว่าเพียงแค่นำแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียวผสม และเติมเกลือเล็กน้อยกับน้ำมันกวนบนกระทะ หรือหม้อจนแป้งร่อนหลุดจากภาชนะที่กวน จากนั้นนำมาปั้นเป็นก้อน แล้วแผ่ให้บางที่สุด […]
ข้าวตังหน้าตั้ง ที่มาจากความเคารพพระแม่โพสพ

อาหารว่างไทยในอดีตนั้นมีการจัดทำในหลายรูปแบบคล้ายกับทางยุโรปที่หลังอาหารเที่ยง หรือช่วงบ่ายแก่ๆ ต้องมีอาหารว่างที่สำหรับเจ้าขุนมูลนาย หรือไว้เป็นสำหรับต้อนรับแขกไปใครมา ถือเป็นอาหารที่ต้องมมีความละเมียดละไมในการทำ เพราะนอกจากเป็นอาหารที่ต้องให้รสชาติความอร่อย กลมกล่อมแล้ว อาหารตาที่รูปสวย เห็นแล้วทำให้อยากชิมดูก็จำเป็นต้องมี อาหารว่างอย่าง ข้าวตังหน้าตั้ง จึงเป็นหนึ่งในอาหารว่างที่นอกจากจะมีคุณสมบัติในการประกอบอาหารทั้งสวยในรูป อร่อยในรสชาติแล้ว การคิดค้นขึ้นมาถือว่าเป็นความเฉลียวฉลาด และการประหยัดใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าที่สุดจนในปัจจุบันนี้ในหลายครัวมีการตั้งหลักการประกอบอาหารที่เน้น zero waste คือต้องสามารถใช้วัตถุดิบนั้นให้มีเหลือทิ้งน้อยที่สุดหรือใช้ได้ทุกส่วนของวัตถุดิบ อย่างเช่นอาหารว่างนี้ ข้าวตังหน้าตั้ง ที่มีทั้งความอร่อย และการใช้วัตถุดิบแบบมีคุณค่าสำหรับข้าวทุกเม็ด ข้าวตังหน้าตั้ง เริ่มมาจากหลักฐานในหนังสือกาพย์เห่ชมเครื่องว่าง จากพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่จัดว่าเป็นอาหารคาวแต่มีวิธีการกิน และการจัดหาในส่วนของอาหารว่างมากกว่าอาหารกินอิ่ม หรืออาหารหลัก ที่มาของข้าวตังหน้าตั้งอย่างที่ได้บอกข้างต้นว่ามาจากความเฉลียวฉลาด และช่างคิดค้นของคนในสมัยอดีตที่มีการหุงข้าวเลี้ยงบ่าวไพร่เป็นจำนวนมาก และในการหุงข้าวสมัยก่อนมีภาชนะที่ใช้ในการหุงเพียงหม้อดิน หรือกระทะใบบัวเท่านั้น หลังจากการหุงข้าวจะมีข้าวสุกที่ติดกรังอยู่ก้นกระทะเป็นจำนวนมาก และในมุมมองคนสมัยก่อนการที่จะต้องทิ้งข้าวที่ติดก้นกระทะเป็นจำนวนมากนั้นก็มีความรู้สึกผิดต่อพระแม่โพสพ จึงหาวิธีคิดค้นที่จะนำมาใช้ประโยชน์จนกลายเป็นหนึ่งในอาหารว่างที่ปราณีต การทำข้าวตังไม่ได้มีวิธีที่ยุ่งยาก แต่ต้องละเอียดอ่อนในขั้นตอนการทำคือ เมื่อได้ข้าวที่ติดก้นกระทะในจำนวนที่จะทำแล้วนำมาทำเป็นรูปทรงไม่ว่าจะเป็นเหลี่ยม วงกลม โดยอาจจะมีพิมพ์ทำไว้เป็นชิ้นๆ เรียงไว้ที่ถาด หรือกระจาด ตากแดดจัดๆ เป็นเวลา 2 วัน จากนั้นพลิกกลับอีกด้านโดยดูให้ข้าวตังแห้งไม่มีความชื้นในตัวเม็ดข้าวเลย แล้วจึงนำมาปิ้งที่สำคัญคือในอดีตคนสมัยก่อนไม่นิยมกินอาหารที่ใช้วิธีทอดเหมือนในปัจจุบันนี้ การปิ้งข้าวตังจึงต้องปิ้งให้เม็ดข้าวแห้งจนถึงกรอบ สังเกตได้ง่ายคือ เมื่อเม็ดข้าวที่เราตากแห้งนำไปปิ้งแล้วข้าวจะพอง กรอบ แห้ง […]
สาคูไส้หมู สอดไส้ความอร่อยที่มีความเป็นมาอร่อยกว่า

มีขนมไทยที่เป็นของกินเล่น อาหารว่างที่มากันเป็นแพ็คคู่ที่เรียกชื่อหนึ่งต้องเรียกอีกชื่อหนึ่งอย่าง สาคูปากหม้อ แต่มาวันนี้เราจะขอแยกของกินเล่น หรืออาหารว่างอย่าง สาคูไส้หมู มาแยกดูความเป็นมาที่มีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาเหมือนหน้าตาเลย เราจะได้รู้ว่าทำไมถึงต้องปั้นเป็นทรงกลมและทำไมจึงต้องมีการใส่ไส้ไว้ภายใน สาคูไส้หมูนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 1 ที่มีการยกทัพไปเมืองเวียงจันทร์ที่ประเทศลาว และทรงโปรดเสวยไข่ตัวเงินตัวทองมากเป็นพิเศษ จนมาวันหนึ่งหาไข่ตัวเงิน ตัวทองนี้ไม่มีจนนางสนมของพระองค์ที่เป็นคนลาวได้มีการคิดค้นทำขนมขึ้นมาให้มีรูปทรงเหมือนไข่ การคิดค้นทำขนมให้เหมือนไข่ตัวเงินตัวทองจึงได้มีการคิดโดยนำแป้งสาคูที่มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆขุ่นๆผสมรวมกับแป้งข้าวเหนียวเพื่อให้เกิดความหนึบเวลากินมาปั้นเป็นก้อนๆขนาดเท่ากับาไข่ตัวเงินตัวทอง ลักษณะจะเหมือนกับไข่ตัวเงินตัวทองมากเมื่อสุกแล้วจะมีสีขุ่นเล็กน้อย มีการใส่ไส้เป็นถั่วเขียวกวนเพื่อสีเวลาตอนสุกจะเห็นด้านในสีเหลืองลางๆ และเมื่อนำหัวกะทิมาราดด้านบนจะทำให้สาคูที่มีไส้ถั่วเขียวด้านในกลิ้งไปมาได้เพิ่มความเหมือนมากขึ้น จากเริ่มแรกสาคูได้มีการนึ่งให้สุกแบบกรรมวิธีแบบธรรมดา เพื่อเป็นการยืดอายุขนมให้สามารถกินได้อีกเป็นเวลานานจึงนำมาทอดแล้วคลุกด้วยน้ำตาล ต่อมาจนถึงปัจจุบันจึงเรียกว่า ขนมไข่หงส์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้กิน ส่วนผู้ที่ไม่ชอบการทอดเพราะมีน้ำมัน หรือไม่ชอบขนมที่มีกลิ่นน้ำมันจึงนำขนมดังกล่าวมาดังแปลงทั้งกรรมวิธี และวัตถุดิบหลักอย่างแป้งสาคูเปลี่ยนเป็นแป้งมันแทนที่สามารถหาซื้อได้ง่าย และราคาถูกกว่า ดัดแปลงจากขนมหวานที่มีไส้เป็นถั่วเขียวกวนหวาน เป็นไส้อาหารคาวแทนโดยทำจากหมูนำมาเคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าวพร้อมรากผักชีพริกไทยเพื่อให้มีความนัว เหนียว หนึบเมื่อกินพร้อมกันกับแป้งมันที่ห่อด้านนอก จนมาถึงปัจจุบันนี้ขนมสาคูไส้หมูนั้นสามารถนำมาจัดสำรับเป็นเครื่องคาวขนมหรืออาหารว่างมื้อบ่าย หรือสำหรับเจ้าขุนมูลนายที่เป็นของว่างต้อนรับแขกบ้านเมือง แขกที่มาเยี่ยมเยียนที่บ้านได้ในสมัยอดีต มาถึงปัจจุบันนี้มีการนำแป้งสาคูที่ผลิตสำเร็จรูปเหมือนสาคูในสมัยก่อน และมีการดัดแปลงไส้แบบสำเร็จรูปเป็นไส้ถั่วเคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าวแบบหวาน ที่ใช้ไส้เดียวกันกับปากหม้อจึงเป็นที่มาว่าทำไมสาคูถึงต้องขายคู่กับปากหม้อ และต้องเรียกชื่อติดกันเป็น สาคูปากหม้อ ขอบคุณเครดิตภาพจาก: freepik.com #กินอะไรดี #รีวิวร้านอาหาร #กินอะไรดี #สาคูไส้หมู
ขนมหวานซาหริ่ม ความละเอียดอ่อนในสีสันที่สดใส

ขนมหวาน หากพูดถึงของแต่ละประเทศนั้น ขนมหวานประเทศไทยถือว่าไม่เป็นสองรองจากใคร ด้วยความที่ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือแขกต่างบ้านต่างเมืองที่ได้ลิ้มลองรสชาติ ต่างต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ว่าจะเป็นทั้งความหอม หวาน ละเมียดละไม และความละเอียดอ่อนในการทำ ต้องยกให้ขนมหวานไทยเราที่สามารถคงทั้งรูปลักษณ์ และความอร่อยในแบบสวยทั้งรูป และเมื่อกินก็หอมหวาน เย็นชื่นใจ เมื่อพูดถึงความหวานเย็นชื่นใจแล้ว เราคงต้องนึกถึงขนมหวานไทยที่มีทั้งความหวาน หอม และใส่น้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในสภาพแวดล้อมเมืองร้อนอย่างประเทศไทยบ้านเราอย่าง ลอดช่องสิงคโปร์ ที่มีจุดเริ่มต้นที่โรงหนังเฉลิมบุรี ถนนเยาวราช แต่ถ้าขาดการเอ่ยถึงขนมหวานอีกอย่างที่ทั้งหอม หวาน และเย็นด้วยแล้ว คงต้องเหมือนขาดอะไรไปอย่างแน่นอน ขนมหวานที่ทั้งเย็น และหอมหวานชื่นใจที่กำลังจะพูดถึงคือ ซาหริ่ม ที่มีเอกลักษณ์ใครเห็นต้องรู้จัก อีกทั้งบางสูตรร้านทำกะทิสดที่หอมโดยการใส่กลิ่นดอกมะลิจริงลอยในน้ำกะทิ ถือว่าเป็นความอร่อยที่มาพร้อมเสน่ห์ วันนี้เราก็เลยจะชวนกันมาตามาหา แหล่งที่มาของขนมหวานเส้นสีสันสดใสนี้กัน ได้มีการกล่าวถึงว่า ซาหริ่ม นั้นน่าจะมีจุดเริ่มต้นมาจากสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในยุคสมัยของรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แต่หาใช่มาจากการดัดแปลงจากขนมโปรตุเกส เพราะจากที่เราเคยเห็นๆ กันมานั้น ขนมทางโปรตุเกสจะมีลักษณะแห้ง เช่นทองหยิบ ทองหยอด จะไม่เป็นขนมหวานแบบน้ำๆ หรือใส่กะทิ น้ำแข็ง ขนมซาหริ่มจึงมีลักษณะคล้ายวุ้นเส้น ที่มีการทำมาจากแป้งที่เหนียวบีบออกมาเป็นเส้น เป็นขนมที่ต่อท้ายจากขนมลอดช่องสิงคโปร์ หรือทัมทิมกรอบ ทางชาวชวา หรือมลายูจะเรียกขนมแบบนี้ว่า ดาเวต […]
ขนมกงเกวียน ขนมโบราณแปลกที่รูปทรงจนต้องค้นหาที่มาของขนม

ขนมในแต่ละประเทศรวมถึงขนมแต่ละชนิดไม่ว่าจะมาจากประเทศ หรือได้รับอิทธิพลจากกลุ่มคนที่คิดทำขึ้นมา ไม่ว่าจะมีที่มาในการเริ่มทำขนมจากความเชื่อ เทศกาล หรือการลองผิดลองถูกจากวัตถุดิบที่มีอยู่มาก จนเกิดขนมอย่างหนึ่งที่มีรสชาติอร่อย และสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นทำให้คนรุ่นหลังๆ ได้เรียนรู้ ได้ลองกินขนมในอดีตที่บางรุ่นอาจจะเกิดไม่ทัน โดยเฉพาะขนมที่มีการทำจากคนรุ่นก่อนๆ ที่มีกรรมวิธีที่แตกต่างจากยุคปัจจุบันที่เราอยู่ ถือว่านอกจากได้กินความอร่อยแล้ว ยังได้กำไรในการเรียนรู้ความเป็นมาของขนมเหล่านั้นว่าที่มีที่มาที่ไปอย่างไร อย่างในขนมไทยๆ วันนี้ที่จะพาไปค้นหาที่มากันกับ ขนมกง หรือขนมกงเกวียน ขนมกง หรือขนมกงเกวียนนั้นในสมัยที่มีการริเริ่มการทาขนมชนิดนี้ขึ้นในยุคแรกเริ่มคือ อยุธยาจนถึงปัจจุบันที่มีชื่อเสียงขนมชนิดนี้คือ ภาคกลาง (จังหวัดสมุทรสาคร) และทางภาคใต้ที่นิยมทำในเทศกาลวันสารทเดือนสิบ ขนมกงจึงนิยมทำเพื่อนำไปใช้ในงานบุญต่างๆ รวมถึงเป็นขนม 1 ใน 5 หมวดของขนมที่ใช้ในการจัดขันหมาก ด้วยความที่ขนมกง มีการทำเพื่องานบุญที่นอกจากจะทำเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในพิธีจัดขันหมากแล้ว ยังเป็นขนมที่ทำในงานพิธีแต่งงานบ่าวสาว ที่ความหมายเป็นมงคลของชื่อขนมกง (ขนมกงเกวียน) คือเป็นการเดินแล่นไปข้างหน้า ความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จึงเหมือนเป็นคำอวยพรให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวให้มีการครองรักสืบต่อกันไปเรื่อยๆ ตลอดไป กรรมวิธี และวัตถุดิบในการทำขนมกงนั้นถึงแม้อาจมีตัววัตถุดิบที่ไม่มาก แต่กรรมวิธีก็ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และขั้นตอนที่มากพอสมควร ตั้งแต่การเคี่ยวตัวหัวกะทิกับน้ำตาลมะพร้าวจากนั้นต้องเตรียมถั่วเขียวที่เลาะเปลือก บดละเอียดนำมาผสมกับส่วนผสมแรกแล้วปั้นเป็นเส้นกลมยาวทำเป็นวง แล้วมีเส้นพาดระหว่างวง จากนั้นต้องทำแป้งที่ชุปทอด โดยมีแป้งข้าวเจ้ากับแป้งข้าวเหนียวร่วมกับไข่ น้ำปูนใส และจบที่ผสมหัวกะทิอีกครั้งเพื่อชุปทอด ระหว่างการทอดขนมกงนั้น ยังต้องหยดแป้งชุปที่ตัวขนมกงเพื่อให้เหมือนเป็น หัวเพชร หัวพลอย เพื่อความสวยงาม […]
นัตโตะถั่วเน่าญี่ปุ่น ประโยชน์ที่ได้จากการหมักถั่ว

เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพหนึ่งในประเทศที่ใส่ใจและเน้นในเรื่องอาหารที่กินเข้าไปแล้วสร้างผลดีให้กับร่างกายคือ ประเทศญี่ปุ่น และถือว่าเป็นประเทศต้นๆ ที่มีประชาชนที่อยู่ในวัยผู้สูงอายุมากจนปัจจุบันเกือบเรียกได้ว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุได้เพราะจำนวนผู้สูงอายุเกือบเทียบเท่าวัยคนทำงานสำหรับประเทศญี่ปุ่น อย่างที่เรารับรู้มาว่าอาหารญี่ปุ่นมีส่วนช่วยให้ประชากรในประเทศมีอายุยาวนานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เต้าหู้ที่ทำมาจากถั่วเหลือง ผักสด และเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ปลอดสารพิษเน้นความปลอดภัยให้กับคนในประเทศกิน และมีอาหารอีกอย่างที่มองข้ามไปไม่ได้ที่อยู่ในส่วนของอาหารที่ช่วยเสริม ประโยชน์ให้กับร่างกายอย่าง นัตโตะ ถั่วเน่า ซึ่งในไทยทางตอนเหนือก็มีถั่วเน่าแต่มีกรรมวิธีในการทำไม่เหมือนกัน และการทำออกมาในรูปลักษณะภายนอกก็ไม่เหมือนกัน เรามาตามดูกันว่าถั่วเน่าที่ได้รับการหมักแบบคนญี่ปุ่นมีความเป็นมายังไงกันบ้าง นัตโตะถือว่าเป็นอาหารพื้นเมืองสำหรับคนญี่ปุ่น สำหรับการหมักนัตโตะแบบคนญี่ปุ่นนั้นทำมาจากถั่วเหลืองที่ได้รับการแช่น้ำค้างคืน และนำเปลือกออกจากนั้นนำถั่วเหลืองไปนึ่งให้สุกแล้วถึงนำมาลดอุณหภูมิเพื่อที่จะเตรียมนำแบคทีเรียแบบสดที่เรียกว่า Bactillus Subtilis Natto หรือเรียกอีกชื่อว่า Natto-kin ถั่วเน่าของคนญี่ปุ่นเรียกว่ามีคุณประโยชน์กับร่างกายมากๆ เพราะนอกจากมีคุณค่าทางโปรตีน ยังมีสารโปรไบโอติกส์ และวิตามินเคที่ช่วยโรคหัวใจ และระบบหลอดเลือดที่สมอง และควบคุมระดับคอลเลสเตอรอล ถือว่าเป็นอาหารจานเล็กๆ ที่กินคู่กับกับข้าวจานหลักแต่มีคุณประโยชน์ล้นเหลือ ใครหลายคนที่ได้เคยกินนัตโตะแล้วคงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้กินยากโดยเฉพาะคนที่กินเป็นครั้งแรกอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวรับรสของถั่วเน่าของทางญี่ปุ่น วิธีการกินนัตโตะที่แนะนำสำหรับคนที่ยังทำใจลำบากในการกินคือ การนำนัตโตะมาผสมกับซอสโซยุ หรือใส่ต้นหอมหั่นซอย และหัวไชเทาขูดฝอยคนให้เข้ากันเพื่อกลบกลิ่นนัตโตะให้เบาบางลง การกินถั่วเน่าญี่ปุ่นนั้นคนญี่ปุ่นจะใช้เป็นจานเคียงเหมือนกิมจิที่กินร่วมกับอาหารจานหลักร่วมกับข้าวญี่ปุ่น ที่ช่วยแก้เลี่ยนและที่สำคัญคือ ประโยชน์ที่ได้ล้นเหลือสำหรับการป้องกันโรค และเพิ่มแบคทีเรียที่ดีให้กับร่างกาย นัตโตะ หรือถั่วเน่าไม่ได้มีการทำเฉพาะที่ญี่ปุ่น หรือไทยเท่านั้นแต่มีที่อินโดนีเซียใช้ชื่อว่า เทมเป้ ที่เนปาลเรียกว่า คิเนมา ส่วนที่แอฟริกาเรียกว่า ดาวาดาวา นอกจากจะนำนัตโตะจะนำมากินคู่กับข้าวเป็นเครื่องเคียงแล้ว ยังสามารถนำมาประกอบอาหารเป็นซูชิ หรือเป็นเครื่องประกอบในจานผัดอย่างยากิโซบะ หรือราเมนน้ำก็สามารถนำนัตโตะวางเป็นท้อปปิ้งด้านบนได้ […]
“กาแฟมะพร้าว” ความหวังใหม่ของธุรกิจเครื่องดื่ม

ในเวลานี้น้ำมะพร้าวที่เป็นผลผลิตหลักจากจังหวัดนครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาครได้กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยปรุงแต่งเครื่องดื่มเก่า ๆ ให้ประยุกต์ไปในทางที่ทันสมัยและแปลกใหม่ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับ “กาแฟมะพร้าว” ซึ่งได้กลายมาเป็นเมนูยอดนิยมที่ทำรายได้ให้แก่คาเฟ่มากมายของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นจากสิ่งเดียว นั่นคือ “การยอมเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงมิติของเครื่องดื่ม” หากเราไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงเครื่องดื่มก็ไม่ต่างจากคนที่ย่ำอยู่กับที่ภายใต้การแข่งขันของธุรกิจเครื่องดื่มคาเฟ่มากมาย และกาแฟมะพร้าวก็ได้กลายมาเป็นความหวังใหม่ของธุรกิจเครื่องดื่มตอนนี้กันมาก เพราะแม้อนาคตกาแฟมะพร้าวจะมีคนทำเยอะ แต่สูตรการทำนั้นย่อมมีความเข้มข้นและอร่อยที่แตกต่างกันไปตามเอกลักษณ์จึงไม่ใช่ปัญหาใด ๆ หากคุณสนใจในการทำกาแฟมะพร้าวแต่ยังไม่ค่อยมีความเข้าใจรายละเอียดของตัวเครื่องดื่มเท่าไหร่ก็ลองอ่านบทความนี้กันก่อน ความเป็นมาของสูตร “กาแฟมะพร้าว” “กาแฟมะพร้าว” เป็นเครื่องดื่มที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเวียดนาม เพราะเวียดนามนั้นมีมะพร้าวเป็นหนึ่งในผลผลิตที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรในประเทศที่สูงและพื้นที่ส่วนใหญ่ก็อยู่ติดทะเลทำให้มีสภาพภูมิประเทศเหมาะกับการทำการเกษตรสวนมะพร้าวมาก จนสามารถได้มะพร้าวน้ำดีออกมาวางขายได้มากมาย จนมะพร้าวของพวกเขาก็ได้ถูกนำมาใช้ในการคิดสูตรให้กับกาแฟที่มีความเข้มข้นซึ่งอาจจะมากเกินไปสำหรับบางคน การเพิ่มความหอมและหวานแบบธรรมชาติที่มากขึ้นให้แก่กาแฟดำและกาแฟนมสดที่เมื่อลองแล้วพบว่าอร่อยมากกว่าที่คิดจึงเกิดเป็นความนิยมของเวียดนาม ซึ่งคนไทยที่ได้มีโอกาสไปชิมก็รู้สึกประทับใจจึงนำสูตรกลับมาทำที่เมืองไทยในที่สุด การทำ “กาแฟมะพร้าว” ในการทำกาแฟมะพร้าวต้องคำนึงด้านการใช้วัตถุดิบในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสำคัญเพื่อความสมดุลกันของรสชาติที่แตกต่างระหว่างน้ำมะพร้าวกับกาแฟ โดยหลักจะมีส่วนประกอบ ดังนี้ 1. กาแฟตามชนิดที่แล้วแต่เราจะเลือก 1 ช็อต (หากมากกว่านี้อาจทำให้เข้มข้นเกินไปและเสียสุขภาพได้) 2. น้ำร้อน 75 มิลลิลิตร 3. น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา 4. น้ำมะพร้าวน้ำหอม 40 มิลลิลิตร 5. น้ำแข็ง 16 ออนซ์ 1 แก้ว […]
“ร้านกาแฟมวลชน” คาเฟ่แห่งความภูมิใจใหม่ของซีพีกรุ๊ป

หากพูดถึงร้านกาแฟสดที่มีสาขามากมายตามพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในจุดแวะพักผ่อนข้างทางหรือตามสถานที่สาธารณะที่ประชาชนมาใช้บริการกันเยอะ ทุกคนก็คงจะนึกถึงร้านกาแฟอเมซอนกันอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้มีอีกร้านกาแฟหนึ่งที่มาใหม่ไฉไลไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “ร้านกาแฟมวลชน” นั่นเอง และเจ้าของก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหน…บริษัทซีพีกรุ๊ปที่เรารู้จักนั่นล่ะเป็นผู้จัดตั้งคาเฟ่นี้ขึ้นซึ่งกำลังอยู่ในช่วงขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วทั้งเมืองไทยตามสถานที่ต่าง ๆ เรามาดูกันดีกว่าว่าร้านกาแฟมวลชนมีความพิเศษตรงไหนบ้างถึงกลายเป็นร้านที่คนเริ่มพูดถึงในวงคาเฟ่กันมากมายในเวลานี้ ทำความรู้จักกับ “ร้านกาแฟมวลชน” “ร้านกาแฟมวลชน” เป็นร้านกาแฟที่ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2558 โดยเกิดจากวัตถุประสงค์อยากให้คนที่ว่างงานมากมายในปัจจุบันได้มีอาชีพและสร้างสังคมให้มีที่ยืนมากยิ่งขึ้นจากธุรกิจร้านกาแฟซึ่งเวลานี้กลายมาเป็นธุรกิจสำคัญที่ทำรายได้มหาศาลเป็นอับต้น ๆ เพราะคนวัยทำงานสมัยใหม่มักจะต้องซื้อกาแฟและเครื่องดื่มต่าง ๆ ไปทำงานในทุกเช้า แม้แต่ช่วงพักกลางวันและช่วงเย็นก็ยังมาผ่อนคลายที่ร้านกาแฟ ซีพี รีเทลลิงค์ จึงเห็นโอกาสอันดีที่จะนำธุรกิจร้านกาแฟมวลชนมาเพื่อสร้างรายได้ให้ผลประกอบการตามชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยในเวลานี้ได้มีการขยายสาขาถึง 10 สาขาในประเทศแล้ว ความพิเศษของร้านกาแฟมวลชน คือ ใช้กาแฟสดและชงเองโดยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ อีกทั้งราคาเครื่องดื่มก็ไม่แพงเหมือนคาเฟ่ทั่วไป โดยราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่แก้วละ 25 บาทเท่านั้น ด้วยผลการสำรวจที่พบว่า “ผู้บริโภคต้องการเครื่องดื่มที่มีราคาถูกกว่าอาหารและคงคุณภาพไว้” จึงเกิดเป็นร้านกาแฟนี้ตามสถานที่สาธารณะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล ,สถานที่ท่องเที่ยว ,ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะที่ผู้คนเข้าถึงได้ทุกระดับ ทำให้ยอดขายในแต่ละวันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ บรรยากาศของ “ร้านกาแฟมวลชน” “ร้านกาแฟมวลชน” จะมีขนาดร้านที่กะทัดรัดสามารถรองรับจำนวนผู้คนที่มานั่งได้ไม่มาก แต่ก็มีบรรยากาศที่ปลอดโปร่งเพราะเป็นร้านกระจกและเป็นโทนสีดำภายนอกตรงข้ามกับโทนสีขาวแบบโมเดิร์นภายใน อีกทั้งยังเน้นชั้นขนมและของฝากมากมายในการนำวางทำให้ดูมีสีสันของถุงขนมที่หลากหลายช่วยเสริมความเป็นกันเองให้กับร้านที่ภายนอกเหมือนจะดูเป็นทางการ ซึ่งลูกค้าสามารถนั่งได้อย่างสบาย ๆ ชิลล์ […]