ซาลาเปา เนื้อขาวๆ นิ่มๆ ย้อนรอยหาที่มากัน

คนส่วนใหญ่ที่นิยมกินอาหารเช้าเป็นอาหารเร่งด่วนอย่างโจ๊ก แซนวิช หากขาดอาหารอีกอย่างที่เป็นอาหารที่กินช่วงเช้าเป็นส่วนใหญ่รวมถึงสามารถกินเป็นอาหารว่างได้อีกอย่าง ซาลาเปา คงถือว่าไม่ครบกลุ่มอาหารเช้าเร่งด่วน ซาลาเปาที่เราสามารถเห็นในหมวดอาหารติ่มซำ วันนี้เรามาดูกันว่าของกินที่มีเนื้อขาวๆ นุ่มๆ คล้ายขนมปังแถมมีไส้หนาแน่นน่ากินแบบนี้ มีที่มาจากไหนและมาถึงไทยได้อย่างไร ซาลาเปามีที่มาตามที่หลายคนมองว่าต้องมาจากประเทศจีนเกิดขึ้นในราชวงศ์ซ้อง ในตอนแรกมีจุดเริ่มต้นจากแป้งสาลีผสมกับยีสต์ปั้นเป็นรูปทรงยาวพื้นผิวด้านนอกเรียบ แต่ภายในไม่มีไส้ใช้ชื่อเรียกว่า หม่านโถว จนกลายเป็น หมั่นโถว ปัจจุบันนำแป้งสาลีนึ่งนี้กินร่วมกับอาหารที่เป็นน้ำข้นๆ จิ้มกินร่วมกัน หลังจากนั้นทางเหนือของจีนได้มีการปรับเปลี่ยนจากแป้งนึ่งที่เรียกว่า หม่านโถวนั้น เป็นแป้งสาลีผสมยีสต์นึ่งแต่เริ่มมีการใส่ส้าเข้าไปอย่างไส้หมู เนื้อ หรือผัก สิ่งที่ทำให้ซาลาเปาต่างจาก หม่านโถวอีกอย่างคือ รูปลักษณ์ภายนอก ซาลาเปาจะมีรูปทรงกลมส่วนใหญ่และจับจีบด้านนอกซึ่งต่างจาก หม่านโถวที่ผิวนอกจะเรียบ ซาลาเปาด้วยความที่เป็นแป้งนี่งสีขาวทั้งลูก คนจีนจะมองว่าเป็นสีไม่เป็นมงคลถือว่าเป็นการไว้ทุกข์จึงมีการแต้มสีจุดแดงบนซาลาเปาเพื่อสร้างความเป็นมงคลสำหรับอาหารชนิดนี้ ต่อจากนั้นอาหารชนิดนี้ได้มีการขยายวัฒนธรรมการกินซาลาเปาเข้าไปในส่วนของเอเชียกลาง เกาหลี ญี่ปุ่น เปอร์เซีย และถือว่ามีความนิยมในการกินไม่แพ้ในประเทศไทยที่ซาลาเปาต่างมีไส้ที่หลากหลาย น่ากิน อย่างเช่น หมูแดง หมูย่าง หมูสับ ครีม พุทราจีน เกาลัค รวมถึงไส้ที่มีการดัดแปลงตามสมัยใหม่มากขึ้นอย่าง ชาเขียว สตอเบอร์รี่ เผือก มันหวาน หรือแม้แต่ไส้เป็ดย่างซึ่งถือเป็นทางเลือกให้กับคนที่เคยกิน และไม่เคยกินซาลาเปามาก่อนด้าลองชิมดู เสน่ห์ของซาลาเปาที่แตกต่างจากขนมปังคือ การที่แป้งสาลีกับยีสต์ผ่านความร้อนจากไอน้ำ ที่แตกต่างจากขนมปังที่ผ่านความร้อนมากกว่าโดยเตาอบ เนื้อผิวด้านนอกของซาลาเปาจึงดูนิ่ม นุ่มเวลากินมากกว่า […]