กาแฟชงแบบเย็นเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่นักดื่มกาแฟ เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มเย็นที่สร้างความสดชื่น ความแตกต่างของกาแฟชงแบบเย็นและกาแฟชงร้อน คือ กาแฟชงเย็นนั้น น้ำที่ใช้ชงกาแฟจะอยู่ที่อุณหภูมิห้องหรือต่ำกว่าเสมอ

ทั้งนี้การไม่มีความร้อนในกระบวนการชงมีผลที่สำคัญสองประการคือ ประการแรก ต้องใช้ระยะเวลามากขึ้นเพื่อให้ดึงรสชาติที่ดีที่สุดจากกาแฟ ดังนั้นร้านกาแฟจำนวนมากจึงเตรียมกาแฟชงแบบเย็นข้ามคืน ประการต่อมา สารประกอบบางอย่างที่เกี่ยวกับกลิ่นรสนั้นสกัดได้ไม่ดีถ้าไม่มีความร้อน รวมถึงน้ำมันกาแฟด้วย
เพราะฉะนั้นกาแฟชงร้อนและกาแฟชงแบบเย็นที่เตรียมจากเมล็ดกาแฟแบบเดียวกันจึงมีรสชาติที่แตกต่างกัน โดยกาแฟชงแบบเย็นมักจะมีระดับความหวานสูงกว่า รสชาติของช็อกโกแลตที่มากกว่า และระดับความเป็นกรดที่ต่ำกว่า

กาแฟชงแบบเย็นกับสุขภาพของคนดื่ม
กาแฟชงแบบเย็นและกาแฟชงร้อนนั้น นอกเหนือจากอุณหภูมิแล้ว ก็มีความแตกต่างกันอย่างแน่นอนทางด้านประสาทสัมผัส ส่วนผลกระทบที่มีต่อประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นยังคงมีอยู่ กาแฟชงแบบเย็นยังคงมีคาเฟอีนอยู่ และด้วยเหตุนี้กาแฟชงแบบเย็นจึงช่วยเพิ่มการเผาผลาญในร่างกายได้
เพียงแต่ว่าผลกระทบนี้จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ส่วนคำถามที่ว่า กาแฟชงแบบเย็นดีต่อกระเพาะมากกว่ากาแฟชงร้อนเพราะมีกรดน้อยกว่าจริงหรือไม่นั้น สำหรับคนที่พบปัญหาเกี่ยวกับระดับความเป็นกรดที่มีอยู่ใน กาแฟชงร้อนอาจชอบรสชาติของกาแฟชงแบบเย็นมากกว่า อย่างไรก็ตาม
ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่ากาแฟชงแบบเย็นจะไม่ดีต่อกระเพาะอาหาร เพราะผลไม้หลายชนิด ทั้งแอปเปิ้ล แอปริคอต กล้วย บลูเบอร์รี่ เกรปฟรุต และแม้แต่ซอสมะเขือเทศล้วนมีความเป็นกรดมากกว่ากาแฟดำทั้งสิ้น ผลจากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่าเครื่องดื่มเชิงพาณิชย์ที่มีจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตของสหรัฐอเมริกากว่า 93 เปอร์เซ็นต์ มีค่าพีเอชต่ำกว่า 4 ซึ่งถือว่าเป็นระดับอันตรายต่อการกัดกร่อนฟัน ขณะที่กาแฟดำมีค่าพีเอชอยู่ที่ประมาณ 5

ปริมาณคาแฟอีนในกาแฟชงแบบเย็น
คาเฟอีนเป็นหนึ่งในสารประกอบที่ความสามารถในการละลายขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ การที่คนมักคิดว่ากาแฟชงแบบเย็นจะมีคาเฟอีนน้อยกว่า เนื่องจากร้านกาแฟหลายร้านชงกาแฟแบบชงเย็นเป็นแบบเข้มข้น จากนั้นความเข้มข้นนี้จะถูกเจือจางด้วยน้ำก่อนเสิร์ฟ ดังนั้นปริมาณคาแฟอีนจึงขึ้นอยู่กับอัตราส่วนที่ใช้ผลิตภัณฑ์สุดท้าย ซึ่งอาจมีคาเฟอีนมากหรือน้อยกว่าที่เทียบกับการชงร้อน ดังตัวอย่างในทางปฏิบัติของร้านกาแฟดังที่ระบุว่า กาแฟชงร้อนมีคาแฟอีน 260 มิลลิกรัมต่อถ้วย ขณะที่กาแฟชงแบบเย็นมี 200 มิลลิกรัม
กาแฟชงแบบเย็นนั้นเป็นวิธีการชงกาแฟด้วยน้ำเย็น โดยใช้กาแฟคั่วบดกับน้ำในอัตราส่วน 1:20 แช่ไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง กาแฟชงแบบเย็นจะมีความหวานมากกว่ากาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อน เพราะน้ำเย็นจะไม่สกัดกรดออกมาจากผงกาแฟ รสชาติที่ได้จึงมีความละมุน หอมหวาน ดื่มง่าย ให้บอดี้หรือเนื้อสัมผัสที่มากกว่า เหมาะเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ
เครดิตภาพจาก pixabay.com
#ร้านบุฟเฟต์ #กินอะไรดี #รีวิวร้านอาหาร #รีวิวชาบู #กาแฟชงแบบเย็น